การตั้งศาลพระภูมิ

 

 

การตั้งศาลพระภูมิ
   สิ่งที่ต้องคำนึงในการตั้งศาลพระภูมิ คือ สถานที่ตั้ง,ทิศทาง,วันและฤกษ์ตั้ง,ความสูงของศาลพระภูมิและผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
สถานที่ที่ตั้งศาล 
มีหลักการพิจารณาดังนี้
1.
ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน มิใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน
2.
หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่
3.
จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ
4.
ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
5.
อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนัก
6.
อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
7.
ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
8.
ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
9.
ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง
10.
ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย
ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล
1.
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
2.
ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 100 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้
3.
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเณย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรือง
อยู่ประมาณ 50 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้
ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
     เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า " น้ำมนต์ธรณีสาร " น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไปแต่ต่างกัน
ตรงที่ให้ท่านนำใบไม้ต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์

วันและฤกษ์ตั้งศาล
    
มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิ์ผลในทางมงคล
แก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป
วันต่อไปนี้ถือเป็นวันที่เป็นมงคลฤกษ์ แต่ถ้าวันข้างขึ้น หรือข้างแรมดังกล่าวไปตรงกับ

วันต้องห้าม 
ของเดือนใด ให้เลี่ยงไปใช้วันอื่นเสีย
วันข้างขึ้น วันข้างแรม
 ๒ ค่ำ  ๒ ค่ำ
 ๔ ค่ำ  ๔ ค่ำ
 ๖ ค่ำ  ๖ ค่ำ
 ๙ ค่ำ  ๙ ค่ำ
 ๑๑ ค่ำ  ๑๑ ค่ำ
เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล
วันอาทิตย์ เวลา ๖.๐๙ น. - ๘.๑๙ น.
วันจันทร์ เวลา ๘.๒๙ น. - ๑๐.๓๙ น.
วันอังคาร เวลา ๖.๓๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันพุธ เวลา ๘.๓๙ น. - ๑๐.๑๙ น.
วันพฤหัสบดี เวลา ๑๐.๔๙ น. - ๑๑.๓๙ น.
วันศุกร์ เวลา ๖.๑๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันเสาร์ เวลา ๘.๔๙ น. - ๑๐.๔๙ น.
วันต้องห้าม
เดือนอ้าย ( ธันวาคม ) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือนยี่ ( มกราคม ) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๓ ( กุมภาพันธ์ ) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๔ ( มีนาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
เดือน ๕ ( เมษายน ) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๖ ( พฤษภาคม ) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๗ (มิถุนายน ) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๘ ( กรกฎาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
เดือน ๙ ( สิงหาคม ) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๑๐ ( กันยายน ) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๑๑ ( ตุลาคม ) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๑๒ ( พฤศจิกายน ) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์

     จะสังเกตได้ว่า จะไม่ปรากฏว่ามี วันอาทิตย์ เป็น ข้อห้ามเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ยึดเอาวันอาทิตย์
เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งศาล เพราะคนโบราณถือกันว่า วันอาทิตย์นั้นแม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี
แต่เป็นวันแรงและวันร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะบ้านอาจจะ ร้อน จรปราศจากความร่มเย็นเป็นสุข แต่ ถ้าหากผู้กระทำพิธีมีเคล็ดมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้ตามความสะดวก

 

ความสูงของศาล
    ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี ) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่
การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน,ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจาก เจ้าของผู้สร้างเริ่มแรก หรือหัวหน้าชุมชนนั้นๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน

การปักเสาตั้งศาล
    
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้
พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท

รายการของมงคลใส่หลุม 
(ปัจจุบันที่นิยมใช้)

1.เหรียญเงิน 9 เหรียญ 9.ใบนางคุ้ม 9 ใบ
2.เหรียญทอง 9 เหรียญ ( เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ ก็ได้ ) 10.ใบกาหลง 9 ใบ
3.ใบเงิน 9 ใบ 11.ดอกบานไม่รู้โรย 9 ดอก
4.ใบทอง 9 ใบ 12.ดอกพุทธรักษา 9 ดอก
5.ใบนาค 9 ใบ 13.ไม้มงคล 9 ชนิด
6.ใบรัก 9 ใบ 14.แผ่น เงิน,ทอง,นาค 1 ชุด
7.ใบมะยม 9 ใบ 15.พลอยนพเก้า 1 ชุด
8.ใบนางกวัก 9 ใบ  


การกลบหลุมนั้นให้ใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด


ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
    
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )
ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ
    
จะเหว็ดศาลพระภูมิ จะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ,บรรจุพระธรรมคุณ,บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ดจากที่เรียกว่า จะเหว็ดเมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ" บริวารของพระภูมิจะมี
1.ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
2. ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
3.ละครยก 2 โรง

เครื่องประดับตกแต่ง
ก็จะประกอบด้วย

1.แจกัน 1 คู่ 7. ด้ายสายสิญจน์ 1 ม้วน
2. เชิงเทียน 1 คู่ 8.ผ้าขาว 1 ผืน
3.กระถางธูป 1 ใบ 9. ทองคำเปลว
4. ผ้าผูกจะเหว็ด 1 ผืน 10.แป้งเจิม 1 ถ้วย
5.ผ้าพันศาล 1 ชุด (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง) 11.ดอกบัว 9 ดอก
6.ฉัตรเงิน-ทอง 2 คู่ 12.ดอกไม้ 7 สี(มาลัย 7 สี )

เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล
จะประกอบด้วยอาหารคาวหวานดังนี้ 

1.หัวหมู 1 หัว 14.ขนมต้มขาว 2 จาน
2.ไก่ต้ม 1 ตัว 15.ขนมถั่วงา 2 จาน
3.เป็ด 1 ตัว 16.ขนมถ้วยฟู 2 จาน
4.ปลานึ่ง 1 ตัว 17.ขนมหูช้าง 2 จาน
5.ปู หรือ กุ้ง 1 จาน 18.เผือก-มันต้ม 2 จาน
6.บายศรีปากชามยอดไข่ 1 คู่ 19.ฟักทอง 2 ผล
7.น้ำจิ้ม 2 ถ้วย 20.แตงไทย 2 ผล
8.ข้าวสวย 2 ถ้วย 21.ขนุน 2 จาน
9.เหล้า 1 ขวด 22.สับปะรด 2 ผล
10.น้ำชา 2 ถ้วย 23.กล้วย 2 หวี
11.น้ำสะอาด 2 แก้ว 24.ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน
12.มะพร้าวอ่อน 1 คู่ 25.พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
13.ขนมต้มแดง 2 จาน  

     **ถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จาน *
เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล ( มังสวิรัติ )

1.มะพร้าวอ่อน 1 คู่ 8.ขนมถ้วยฟู 2 จาน 15.พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
2.ถั่วคั่ว 2 จาน 9.ฟักทอง 2 ผล 16.น้ำสะอาด 2 แก้ว
3.งาคั่ว 2 จาน 10.แตงไทย 2 ผล 17.ข้าวสวย 2 ถ้วย
4.เผือก-มันต้ม 2 จาน 11.ขนุน 2 จาน 18.น้ำชา 2 ถ้วย
5.ขนมต้มแดง 2 จาน 12.สับปะรด 2 ผล 19.นม 2 ถ้วย
6.ขนมต้มขาว 2 จาน 13.สับปะรด 2 ผล 20.เนย 2 ถ้วย
7.ขนมถั่วงา 2 จาน 14.ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน  

ผลไม้ที่ห้ามนำถวาย

1. มังคุด 4.มะเฟือง 7. น้อยหน่า 10.ลูกจาก 13.มะตูม
2. ละมุด 5.มะไฟ 8.กระท้อน 11.ลูกพลับ 14.พุทรา
3. ระกำ 6.น้อยโหน่ง 9.ลูกท้อ 12.มะขวิด 15.ลางสาด

     คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าผลไม้ทั้ง 15 ชนิดนี้เป็นอัปมงคล ไม่ควรนำมาถวายเป็นเครื่องสังเวยหน้าศาลพระภูมิเป็นอันขาด